1. ชื่อโครงงาน กังหันไฟฟ้าสถิตย์ (Electrostatic Fan)
2. ประเภทโครงงาน ประเภททดลอง
5. ความเป็นมาและความสำคัญของประเด็น
ไฟฟ้าสถิตย์ หมายถึง ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุสองชนิดที่ต่างกันมาสัมผัสหรือเสียดสีกัน ( Physical Contact ) แล้วแยกออกจากกัน ไฟฟ้าสถิตย์ไม่มีตัวตน แต่เป็นแรงหรือคุณสมบัติอยู่ในตัวของมันเองตามธรรมชาติแล้วประจุไฟฟ้าจะพยายามอยู่ในลักษณะอาการสมดุลย์ ดังนั้นผู้จัดทำจึงได้เสนอโครงงาน กังหันไฟฟ้าสถิตย์ เพื่อเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าสถิต ซึ่งกังหันไฟฟ้าสถิตย์เป็นอุปกรณ์ที่แสดงถึงพลังของไฟฟ้าสถิตย์ ที่หลักแหลมตัวหนึ่ง แทนที่จะใช้ลูกโป่งดูดเศษกระดาษเล่นที่เห็นอยู่ทั่วไป
นอกจากการเรียนรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตย์แล้ว เรายังจะเข้าใจเรื่องความฝืด แถมอีกเรื่องหนึ่งด้วย ดาวกระดาษที่วางอยู่บนปลายดินสอที่แทบจะไม่มีความฝืดนั้น ทำให้เราสามารถใช้แรงผลักที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตย์ เพื่อหมุนดาวกระดาษไปรอบๆ ได้
6. จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
1.เพื่อศึกษาเรื่องไฟฟ้าสถิตย์
2.เพื่อทราบถึงแรงที่เกิดในการเคลื่อนที่ของกังหัน
3.เพื่อทราบถึงประจุไฟฟ้าที่ใช้ผลักกังหันให้เคลื่อนที่
7. ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
1.เพื่อศึกษาเรื่องไฟฟ้าสถิตย์
2.เพื่อทราบถึงแรงที่เกิดในการเคลื่อนที่ของกังหัน
3.เพื่อทราบถึงประจุไฟฟ้าที่ใช้ผลักกังหันให้เคลื่อนที่
7. ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า
- ข้อบ่งชี้ว่าแรงที่เกิดขึ้นในการหมุนกังหันนั้นมาจากอะไร
- สามารถรู้ถึงประจุไฟฟ้าที่ทำให้เกิดการหมุน
- สามารถเข้าใจถึงลักษณะของไฟฟ้าสถิตย์ได้เป็นอย่างดี
8. สมมติฐาน
ถ้าลูกโป่งที่ถูกับผม ทำให้ดาวกระดาษให้โดนผลักให้หมุนไปรอบๆ ดังนั้น แรงที่เกิดขึ้นจึงเป็นไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดจากการเสียดสีกันของลูกโป่งที่ถูกับผม
9. ตัวแปรในการทดลอง
ตัวแปรต้น : ลูกโป่ง
ตัวแปรตาม : กังหันกระดาษ
ตัวแปรควบคุม : ชนิดของวัสดุที่นำลูกโป่งไปถู คือ ผม, ผ้าสักหลาดหรือผ้าขนสัตว์,กระดาษ
10.วิธีดำเนินการ
10.1 วัสดุอุปกรณ์
1.กระดาษขนาด A4 - 1 แผ่น : ใช้แล้วก็ได้
2.กรรไกร : เอาไว้ตัดกระดาษ
3.ลูกโป่ง : สีอะไรก็ได้
4.ดินสอ : เหลาให้ปลายแหลมๆ
5.ดินน้ำมัน : ใช้ก้อนเล็กๆ ก้อนเดียวก็พอครับ
10.2 แนวการศึกษาค้นคว้า
1. พับครึ่งกระดาษ A4 จำนวน 2 ครั้ง
2. ใช้กรรไกรตัดกระดาษที่พับแล้ว เป็นมุมแหลม เมื่อคลี่ออก จะได้เป็นรูปดาวสี่แฉก
3. ปักดินสอลงบนก้อนดินน้ำมัน ให้ปลายแหลมชี้ขึ้นข้างบน
4. วางดาวกระดาษบนปลายดินสอ เนื่องจากปลายดินสอมีพื้นที่น้อย จะมีแรงเสียดทานกับ กระดาษน้อย ทำให้ดาวกระดาษสามารถหมุนไปรอบๆ ได้อย่างง่ายดาย
5. เป่าลูกโป่ง ไม่ต้องให้ใหญ่มากก็ได้
6.ใช้มือจับลูกโป่ง ถูกับผมสัก 5 ถึง 10 ครั้ง แล้วนำลูกโป่งมาหมุนรอบดาวกระดาษอย่างช้าๆ ระวังอย่าให้ลูกโป่งแตะดาวกระดาษ
1.กระดาษขนาด A4 - 1 แผ่น : ใช้แล้วก็ได้
2.กรรไกร : เอาไว้ตัดกระดาษ
3.ลูกโป่ง : สีอะไรก็ได้
4.ดินสอ : เหลาให้ปลายแหลมๆ
5.ดินน้ำมัน : ใช้ก้อนเล็กๆ ก้อนเดียวก็พอครับ
10.2 แนวการศึกษาค้นคว้า
1. พับครึ่งกระดาษ A4 จำนวน 2 ครั้ง
2. ใช้กรรไกรตัดกระดาษที่พับแล้ว เป็นมุมแหลม เมื่อคลี่ออก จะได้เป็นรูปดาวสี่แฉก
3. ปักดินสอลงบนก้อนดินน้ำมัน ให้ปลายแหลมชี้ขึ้นข้างบน
4. วางดาวกระดาษบนปลายดินสอ เนื่องจากปลายดินสอมีพื้นที่น้อย จะมีแรงเสียดทานกับ กระดาษน้อย ทำให้ดาวกระดาษสามารถหมุนไปรอบๆ ได้อย่างง่ายดาย
5. เป่าลูกโป่ง ไม่ต้องให้ใหญ่มากก็ได้
6.ใช้มือจับลูกโป่ง ถูกับผมสัก 5 ถึง 10 ครั้ง แล้วนำลูกโป่งมาหมุนรอบดาวกระดาษอย่างช้าๆ ระวังอย่าให้ลูกโป่งแตะดาวกระดาษ
7. นำลูกโป่งไปถูกับผ้าสักหลาดหรือผ้าขนสัตว์ และทำเช่นเดียวกับ ข้อ 6 สังเกตผลที่ได้
8. นำลูกโป่งไปถูกับถุงพลาสติก และทำเช่นเดียวกับ ข้อ 6 สังเกตผลที่ได้
12. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
เมื่อถูลูกโป่งกับผม ลูกโป่งจะมีประจุลบเพิ่มขึ้น ลูกโป่งที่มีประจุลบ จะผลักประจุลบบนดาวกระดาษด้านใกล้ ให้ไปอยู่ด้านไกล ทำให้แขนของดาวกระดาษที่อยู่ใกล้ลูกโป่ง มีประจุบวก เมื่อย้ายลูกโป่งไปรอบๆ ประจุลบบนลูกโป่ง จะดึงดูด ประจุบวก บนแขนดาวด้านใกล้ ทำให้ดาวกระดาษ หมุนตาม
และเมื่อทดลองกับ ผ้าสักหลาดหรือผ้าขนสัตว์ และ ก็ได้ผลการทดลองเหมือนกัน
สรุปผลการทดลอง
1. ลูกโป่งจะมีประจุลบเมื่อนำไปถูกับวัสดุต่างๆ และเมื่อนำพไปวางใกล้กับกังหัน จึงเกิดการผลัก และการดึงดูดกันขึ้น
1. ลูกโป่งจะมีประจุลบเมื่อนำไปถูกับวัสดุต่างๆ และเมื่อนำพไปวางใกล้กับกังหัน จึงเกิดการผลัก และการดึงดูดกันขึ้น
2. เนื่องจาก ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุสองชนิดที่ต่างกันมาสัมผัสหรือเสียดสีกัน ดังนั้นแรงที่เคลื่อนที่นั้นจึงเกิดจากไฟฟ้าสถิตย์
13 .เอกสารอ้างอิง
ไม่มีภาพให้ดูหน่อยหรอคะ
ตอบลบทำไมไม่เห็นบอกประโยชนเลยคะ ??????
ตอบลบอยากรู้ชือ่คนทำอ่ะค่ะ พอดีจะเขียนส่งครูอ่ะค่ะ
ตอบลบดีว๊าก!!
ตอบลบ